วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

มะเร็งจู๋ โรคร้ายที่ผู้ชายไม่อยากเป็น


ปัจจุบันในสังคมเรามีการตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ จะเห็นว่ามีคอลัมภ์ต่าง ๆ ทั้งหนังสือ ทีวี อินเตอเน็ต แคมฟร๊อก (ไม่เกี่ยว) พูดถึงการดูแลตัวเอง การป้องกัน การขายยา และการรักษา โรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในหลาย ๆ โรคที่ได้ยินกันบ่อยในสังคมปัจจุบันคือโรคมะเร็ง (ก็ขนาดป้าเช็งยังคิดน้ำหมักมารักษามะเร็งเลย)

หลายคนรู้จักและเคยเห็นผู้ป่วยโรคมะเร็งในหลาย ๆ แบบ ซึ่งปัจจุบันที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันมากก็คือมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นโรคที่ครองแชมป์อันดับหนึ่งของมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิง โดยมีอัตราการเสียชีวิตของ มะเร็งปากมดลูก เฉลี่ยสูงถึง 7 คนต่อวัน และพบผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก รายใหม่สูงถึง 6,000 คนต่อปี ซึ่งทำให้มีการตื่นตัวขึ้นมารณรงค์การป้องกันรวมถึงฉีดวัคซีนเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคร้ายนี้ขึ้น

สำหรับผู้ชาย หลายคนอาจจะรู้สึกดีใจที่ไม่ต้องมากังวลจะเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยที่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว มะเร็งสำหรับผู้ชายเองก็มี แถมเกิดที่อวัยวะส่วนสำคัญได้ด้วย จึงเป็นที่มาของเนื้อหาคราวนี้ครับ






อก้อนผิดปกติครับบริเวณของสำคัญ 35 เปอร์เซ็นต์มาด้วยมีแผลเรื้อรัง และอีก17 เปอร์เซนต์มาด้วยการอักเสบระคายเคืองครับ

ส่วนตำแหน่งที่มีโอกาสเจอที่สุดนี่ จากตัวเลขข้อมูลของฝรั่งนะครับ
48 เปอร์เซ็นต์จะพบความผิดปกติที่บริเวณส่วนหัว 21 เปอร์เซ็นต์พบที่หนังหุ้มปลาย มี 9 เปอรเซ็นต์พบรวมกัน ที่เหลือคือพบบริเวณคอและลำครับ

ดังนั้นการตรวจได้ง่ายสุดก็คือคลำได้ก้อนผิดปกติตรงบริเวณจู๋ครับ คือไล่มาตั้งแต่ตรงหนังหุ้มปลาย ส่วนหัว ส่วนลำครับ ถ้าสังเกตว่ามีก้อนอะไรที่ไม่ชอบมาพากล และก้อนนั้นหน้าตาไม่ค่อยน่ารัก สีสันแปลกตาโดยที่ไม่ได้ทานคลอโรฟิลด์ โตวันโตคืน ถ้าเจอก็อย่าพึ่งหลงดีใจว่าสวรรค์เมตตาให้ใหญ่ขึ้นนะครับ กรุณาช่วยพาก้อนมาพบให้คุณหมอตรวจดูหน่อย อาจจะงานเข้าครับ







โดยก้อนหรือลักษณะพวกนี้คือลักษณะที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงที่จะมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งครับ


เวลาพูดถึงโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การป้องกันส่วนใหญ่จะง่ายกว่าการรักษาครับ เหมือนเรื่องการแบ่งแยกชนชั้นที่เกิดขึ้นในประเทศสารขัณท์นี่ก็เหมือนกัน ปล่อยให้เลยเถิดมานานพอตอนนี้จะแก้ไขก็ยากแล้วครับ


พบว่าสาเหตุสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้เป็นโรคนี้คือเรื่องการดูแลสุขอนามัยครับ จู๋คนเราเป็นอวัยวะที่มีหมวกคลุม ทีนี้ในแต่ละวันเราใช้งานส่วนนี้เป็นทางผ่านของปัสสาวะ และในแต่ละวันร่างกายเราก็สร้างเหงื่อ ขี้ไคล ผลัดผิวกันตลอดโดยไม่ต้องใช้ AHA ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากไม่ดูแลสุขอนามัยให้ดี หลาย ๆ คนก็อาจจะเคยเจอกับกลิ่นหรือคราบที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ ซึ่งหลายคนคงเคยเจอและตั้งชื่อกันได้เห็นภาพมากว่าขี้เปียก (smegma)




ในขี้เปียกนี่ จะมีเชื้อแบคทีเรียตัวนึงครับที่ชื่อ mycobacterium smegmatis ซึ่งพบได้ถึงครึ่งนึงของผู้ชายที่ไม่ได้ทำการขริบ จะทำให้เกิดการระคายเคืองแบบ combo ตรงบริเวณจู๋และทำให้เซลล์ปกติมีปัญหาครับ

โดยจากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า ผู้ชายที่มีหนังหุ้มปลายตีบจนไม่สามารถรูดได้หรือรูดได้ไม่สะดวกที่เรียกว่า PHiMOSIS มีโอกาสเป็นมะเร็งจู๋มากกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่าเลยครับ ซึ่งสาเหตุก็มาจากการหมักหมมและระคายเคืองของสิ่งที่อยู่ด้านในใต้หมวกครับ ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลง transformer เป็นเซลล์ชนิดไม่ดีครับ

นอกจากนี้ HPV virus เป็นอีกสาเหตุนึงที่กำลังมีการพูดถึงกันมากและเป็นที่ยืนยันว่าทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน (เป็นตัวเดียวกับที่เกิดในมะเร็งปาก
มดลูกของผู้หญิงนี่แหละครับ) โดยพบว่าผู้ชายที่ไม่ได้ทำการขริบจะพบเชื้อตัวนี้มากกว่าคนที่ทำการขริบแล้ว 3 เท่า ซึ่งก็ตรงไปตรงมาครับก็คือเรื่องการดูแลสุขอนามัยอีกแหละ เพราะถ้ามีหมวกแล้วไม่ดูแลให้ดี ก็มีโอกาสที่พวกเชื้อจะไปซ่อนอยู่ตามซอกหลืบหรือรอยพับได้ และที่สำคัญก็คือซวยคนเดียวไม่เท่าไหร่ ดันเอาไปใช้งานกับผู้หญิงแล้วไปหย่อนเชื้อไว้ให้เค้านี่แหละครับ เชื้อตัวนี้อยู่กับผู้ชาย พลิกมาพลิกไปล้างดี ๆ เอาน้ำฉีดก็อาจจะทำความสะอาดได้แต่เมื่อเข้าไปอยู่กับผู้หญิงนี่ เค้าจะเอาออกมาล้างอย่างไรครับ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้

เกิดมะเร็งปากมดลูกแบบที่ผู้หญิงก็งงว่า ตัวเองไปติดมาได้อย่างไร (มะเร็งปากมดลูกนี่พบได้น้อยมาก ๆ ในผู้หญิงโสดครับและพบได้มาก ๆ ในผู้หญิงที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย และงานวิจัยพบว่าผู้หญิงที่มี sex กับผู้ชายที่ไม่ได้ขริบจะมีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกมากกว่าถึง 4 เท่าครับ)

อีกสาเหตุนึงที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงก็คือบุหรี่ครับ พบว่าคนที่สูบบุหรี่นี่มีโอกาสเป็นมะเร็งจู๋มากกว่าคนที่ไม่ได้สูบถึง 4.5 เท่า โดยทางการแพทย์อธิบายว่าสารที่อยู่ในบุหรี่มันไปยับยั้งการทำงานของ langerhan cell ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยจับกับเชื้อไวรัสครับ ดังนั้นยิ่งสูบยิ่งเสื่อมครับ





ทีนี้หากวันร้ายคืนร้ายเกิดมะเร็งขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร
เมื่อมา รพ.ด้วยก้อนหรือแผล คุณหมอก็จะทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจก่อนครับ ถ้าผลออกมายืนยันว่าเป็นเนื้อร้ายจริง ทีนี้ก็งานเข้าแล้วครับ โดยวิธีการรักษานั้นที่ดีที่สุดก็คือตัดอวัยวะตรงที่มีก้อนหรือแผลนั้นออกครับ โดยต้องตัดให้เลยส่วนก้อนเข้ามา 2 เซนต์ครับ เพื่อจะลดโอกาสการเกิดซ้ำ ดังนั้นตอนนี้ก็ขึ้นกับบุญทำกรรมแต่งครับว่าคุณพ่อให้มาเท่าไหร่ ถ้ามีเหลือเยอะ ตัดออกไปแล้วยืนฉี่ได้ก็ดีไปครับ แต่ถ้าของเดิมก็ไม่มาก ตัดออกไปอีก คราวนี้ต้องทำท่อปัสสาวะให้ใหม่ แล้วนั่งฉี่ครับ







ทางตะวันตกมักจะเอาใจคนไข้ที่เป็นโดยพยายามเอาออกให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ เช่นเป็นแค่ปลายก็แค่ฝานเนื้อที่มีปัญหาออก หรือเอาออกเป็นส่วน ๆ เพื่อเก็บจู๋ไว้ให้คนไข้ แต่ปัญหาที่เกิดคือมีโอกาสเกิดซ้ำสูงมากครับ และทำให้ตัวมะเร็งมันดาวกระจายไปสู่อวัยวะส่วนอื่นมากขึ้น

หากเป็นระยะลุกลามหรือดาวกระจายไปแล้ว ก็มีการเอาวิธีฉายแสงและให้เคมีบำบัดเข้ามาช่วยครับ แต่ก็ยืดอายุไปได้ไม่ค่อยหายขาดครับ

ถ้าจะเลือกวิธีการรักษาก็ต้องรู้ระยะและโอกาสครับ หากเป็นระยะแรกและรักษาเอาเนื้อร้ายออกหมดนี่ โอกาสหายสูงถึง 80 – 100 เปอร์เซ็นต์เลยครับ แต่ถ้าเป็นระยะลุกลามโอกาสที่จะอยู่ถึง 5 ปีก็ครึ่งนึง แต่ถ้าเพิกเฉยอารยะขัดขืนไม่รักษานี่ ส่วนใหญ่ไปภายในสองปีครับ


โรคมะเร็งที่จู๋นี่ เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยแต่ถ้าเป็นทีนี่ฝันร้ายของผู้ชายทุกคนครับ วิธีป้องกันที่ดีและง่ายสุดก็คือการดูแลสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญของตัวเองให้ดีครับ เอามาเปิดหมวกล้างให้สะอาดสม่ำเสมอ หากหมวกแคบหรือยาวไปเป็นอุปสรรคก็ไปให้คุณหมอขริบออก และก็อย่าสูบบุหรี่ หากเจอสิ่งผิดปกติไม่ชอบมาพากลก็รีบไปรพ.ครับ อย่ามัวแต่อายหรือคิดว่าเป็นการจัดฉากครับ รักษาระยะแรกดีกว่าปล่อยให้ลุกลามครับ






สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่

คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178

ดูรายละเอียดที่ http://www.pannfiturok.blogspot.com/






วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) มีผลต่อน้องชายของท่านชาย โดยเฉพาะยาควบคุมความดัน

โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) 



โรคความดันโลหิตสูง  หมายถึง ระดับความดันโลหิต 140/90 มม.ปรอท
หรือมากกว่าซึ่งจะเป็นค่าบนหรือค่าล่างก็ได้ 

 ตารางที่ ระดับความดันโลหิตสูง (มม.ปรอท)  จำแนกตามความรุนแรง
ในกลุ่มคนอายุ  18 ปีขึ้นไป


Category
SBP
-
DBP
Optimal
< 120
และ
< 80
Normal
120 – 129
และ /หรือ
80 - 84
High Normal
130 – 139
และ /หรือ
85 - 89
Grade 1 Hypertension (mild)
140 – 159
และ /หรือ
90 - 99
Grade 2 Hypertension (moderate)
160 – 179
และ /หรือ
100 - 109
Grade 3 Hypertension (severe)
> 180
และ /หรือ
> 110
Isolated Systolic Hypertension
> 140
และ
< 90


หมายเหตุ   SBP : Systolic Blood Pressure ,  DBP : Diastolic Blood Pressure  เมื่อความรุ่นแรงของ SBP และ DBP อยู่ต่างระดับกัน ให้ถือระดับที่รุนแรงกว่าเป็นเกณฑ์ สำหรับ Isolated Systolic Hypertension ก็แบ่งระดับความรุนแรงเหมือนกันโดยใช้แต่ SBP

สาเหตุ  มากกว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจะไม่ทราบสาเหตุ
แต่เชื่อว่าเกิดจาก 2 ปัจจัยใหญ่ คือ

 
1.กรรมพันธุ์  พบว่าผู้ที่มีบิดาหรือมารดาเป็นความดันโลหิตสูงมีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงได้มากกว่าผู้ที่บิดามารดาไม่เป็น




  2.สิ่งแวดล้อม  ซึ่งสามารถแก้ไขได้ เช่น ภาวะอ้วน เบาหวาน การรับประทานอาหารเค็ม ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ภาวะเครียด




อาการ  

  1. ความดันโลหิตสูงระดับอ่อน หรือปานกลางไม่มีอาการใดๆ แต่มีการทำลายอวัยวะต่างๆ ไปที่ละน้อย  จนเกิดผลแทรกซ้อนตามมา 


 
2. ความดันโลหิตสูงในระดับรุนแรง อาจมีอาการเลือดกำเดาไหล ตามอง



สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่

คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178

ดูรายละเอียดที่ http://www.pannfiturok.blogspot.com/



ต่อมลูกหมากโต...น่ากลัวไหมครับ





ต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบสืบพันธุ์เพศชาย ลักษณะเป็นก้อนขนาดประมาณลูกเกาลัด ล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น (อยู่ถัดจากส่วนล่างของกระเพาะปัสสาวะ) คนละส่วนกับลูกอัณฑะ ซึ่งอยู่ในถุงอัณฑะด้านนอก ดังนั้น การตรวจคลำต่อมลูกหมาก จึงต้องตรวจโดยการใช้นิ้ว หรือเครื่องมือสอดทางทวารหนัก
เมื่อผู้ชายมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ต่อมลูกหมากจะมีการโตขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังจากอายุ 50 ปีไปแล้ว บางคนอาการมาก บางคนอาการน้อย และเมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดอาการ และความรุนแรงของอาการจะเพิ่มขึ้น


อาการของโรคต่อมลูกหมากโต เกิดจากเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้น จนกดเบียดให้ท่อปัสสาวะส่วนต้น (ที่ต่อมลูกหมากล้อมรอบอยู่) แคบลง เกิดแรงเสียดทานในท่อปัสสาวะ ทำให้การปัสสาวะลำบากขึ้น อาการที่แสดงจะมี 2 กลุ่ม  


ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน           
ปัสสาวะต้องรีบ กลั้นไม่ได้นาน           
ปัสสาวะเล็ดและราดเวลาปวดปัสสาวะ  
อาการปัสสาวะไม่สุด รู้สึกเหมือนว่ายังมีปัสสาวะค้างอยู่


ปัสสาวะต้องเบ่ง               
ปัสสาวะต้องรอ ไม่ออกทันที               
ปัสสาวะหยุดเป็นช่วงๆ       
ปัสสาวะพุ่งไม่แรง             
ปัสสาวะหยดๆ ตอนท้ายของการปัสสาวะ


โรคต่อมลูกหมากโต จัดเป็นโรคเนื้องอกชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง ดังนั้น โดยตัวของโรคเองไม่ถือว่าร้ายแรง ผู้ป่วยที่มีอาการข้างต้น มักมีปัญหาเกี่ยวกับการพักผ่อน ความวิตกกังวล รวมไปถึงการรบกวนชีวิตประจำวัน และการเข้าสังคม

ในกรณีที่อาการของโรครุนแรงมากขึ้น จนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อและอักเสบของทางเดินปัสสาวะ การเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และการเสื่อมการทำงานของไต ถือเป็นอันตราย และเป็นข้อบ่งชี้ที่จะต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข

อันตรายอย่างหนึ่งที่ควรระวัง คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งพบได้ในผู้ชายสูงอายุเช่นกัน ผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก อาจมีอาการคล้ายกับโรคต่อมลูกหมากโต เมื่อไม่ได้รับการตรวจและรักษาที่ถูกต้อง ก็เป็นการเปิดโอกาสให้มะเร็งลุกลามไปได้
ได้เวลาไปหาหมอ

ดังนั้นชายที่มีอายุ 40-50 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงการตรวจต่อมลูกหมาก โดยการตรวจทางทวารหนักและการเจาะเลือด เพื่อดูค่าบางอย่างที่เกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมาก เพื่อเป็นการป้องกันแต่เนิ่นๆ
ในรายที่มีอาการผิดปรกติ ดังที่กล่าวข้างต้น ควรเข้ารับการตรวจรักษา และรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคระบบทางเดินปัสสาวะ





แพทย์จะให้การรักษาตามความรุนแรงของอาการผู้ป่วยแต่ละคน โดยแบ่งเป็น 3 วิธี

1. การเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย แพทย์จะแนะนำให้สังเกตอาการและปรับพฤติกรรมดังนี้   

ลดน้ำดื่มหลังอาหารเย็น และก่อนนอน        
พยายามไม่ให้ท้องผูก               
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือชากาแฟ        
หลีกเลี่ยงยาลดน้ำมูกบางตัวที่มีผลกับการปัสสาวะ


ยากลุ่มต้านอัลฟ่า ที่ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อรอบต่อมลูกหมาก ทำให้ท่อปัสสาวะที่ตีบแคบขยายกว้างขึ้น ทำให้ปัสสาวะสะดวกขึ้น           
ยากลุ่มต่อต้านเอนไซม์ที่มีผลต่อการโตของต่อมลูกหมาก ซึ่งจะมีผลยับยั้งต่อมลูกหมากไม่ให้โตขึ้น และถ้าใช้เป็นเวลานาน 6 เดือนขึ้นไป จะมีผลให้ต่อมลูกหมากมีขนาดลดลงในระดับหนึ่ง

ปัสสาวะไม่ออก (ต้องใส่สายสวนปัสสาวะ)            
มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ              
มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะหลายครั้ง    
ไตเสื่อมการทำงานซึ่งเป็นผลจากการอุดตัน

    
ยังไม่มีรายงานทางการแพทย์ที่บ่งบอกว่า การมีเพศสัมพันธ์ที่มากหรือน้อย จะมีผลต่อการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต

ผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งมีความเสี่ยงเกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย ดังนั้นการลดการกินเนื้อสัตว์ และอาหารฟาสต์ฟู้ด และการกินอาหารที่ปรุงจากธัญพืช เช่น ถั่วเหลือง งา เมล็ดฟักทอง น้ำมันรำข้าว มะเขือเทศ จะช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก และช่วยให้สุขภาพแข็งแรงดีขึ้น
 

สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่
คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178
ดูรายละเอียดที่ http://www.pannfiturok.blogspot.com/