ปัจจุบันในสังคมเรามีการตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้นเรื่อย
ๆ จะเห็นว่ามีคอลัมภ์ต่าง ๆ ทั้งหนังสือ ทีวี อินเตอเน็ต แคมฟร๊อก (ไม่เกี่ยว)
พูดถึงการดูแลตัวเอง การป้องกัน การขายยา และการรักษา โรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในหลาย
ๆ โรคที่ได้ยินกันบ่อยในสังคมปัจจุบันคือโรคมะเร็ง
(ก็ขนาดป้าเช็งยังคิดน้ำหมักมารักษามะเร็งเลย)
หลายคนรู้จักและเคยเห็นผู้ป่วยโรคมะเร็งในหลาย ๆ แบบ
ซึ่งปัจจุบันที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันมากก็คือมะเร็งปากมดลูก
ซึ่งเป็นโรคที่ครองแชมป์อันดับหนึ่งของมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิง
โดยมีอัตราการเสียชีวิตของ มะเร็งปากมดลูก เฉลี่ยสูงถึง 7
คนต่อวัน และพบผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก รายใหม่สูงถึง 6,000
คนต่อปี
ซึ่งทำให้มีการตื่นตัวขึ้นมารณรงค์การป้องกันรวมถึงฉีดวัคซีนเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคร้ายนี้ขึ้น
สำหรับผู้ชาย หลายคนอาจจะรู้สึกดีใจที่ไม่ต้องมากังวลจะเป็นมะเร็งปากมดลูก
โดยที่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว มะเร็งสำหรับผู้ชายเองก็มี
แถมเกิดที่อวัยวะส่วนสำคัญได้ด้วย จึงเป็นที่มาของเนื้อหาคราวนี้ครับ
อก้อนผิดปกติครับบริเวณของสำคัญ 35
เปอร์เซ็นต์มาด้วยมีแผลเรื้อรัง และอีก17
เปอร์เซนต์มาด้วยการอักเสบระคายเคืองครับ
ส่วนตำแหน่งที่มีโอกาสเจอที่สุดนี่
จากตัวเลขข้อมูลของฝรั่งนะครับ
48 เปอร์เซ็นต์จะพบความผิดปกติที่บริเวณส่วนหัว
21 เปอร์เซ็นต์พบที่หนังหุ้มปลาย มี 9
เปอรเซ็นต์พบรวมกัน ที่เหลือคือพบบริเวณคอและลำครับ
ดังนั้นการตรวจได้ง่ายสุดก็คือคลำได้ก้อนผิดปกติตรงบริเวณจู๋ครับ
คือไล่มาตั้งแต่ตรงหนังหุ้มปลาย ส่วนหัว ส่วนลำครับ
ถ้าสังเกตว่ามีก้อนอะไรที่ไม่ชอบมาพากล และก้อนนั้นหน้าตาไม่ค่อยน่ารัก
สีสันแปลกตาโดยที่ไม่ได้ทานคลอโรฟิลด์ โตวันโตคืน ถ้าเจอก็อย่าพึ่งหลงดีใจว่าสวรรค์เมตตาให้ใหญ่ขึ้นนะครับ
กรุณาช่วยพาก้อนมาพบให้คุณหมอตรวจดูหน่อย อาจจะงานเข้าครับ
โดยก้อนหรือลักษณะพวกนี้คือลักษณะที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงที่จะมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งครับ
เวลาพูดถึงโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การป้องกันส่วนใหญ่จะง่ายกว่าการรักษาครับ
เหมือนเรื่องการแบ่งแยกชนชั้นที่เกิดขึ้นในประเทศสารขัณท์นี่ก็เหมือนกัน
ปล่อยให้เลยเถิดมานานพอตอนนี้จะแก้ไขก็ยากแล้วครับ
พบว่าสาเหตุสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้เป็นโรคนี้คือเรื่องการดูแลสุขอนามัยครับ
จู๋คนเราเป็นอวัยวะที่มีหมวกคลุม
ทีนี้ในแต่ละวันเราใช้งานส่วนนี้เป็นทางผ่านของปัสสาวะ
และในแต่ละวันร่างกายเราก็สร้างเหงื่อ ขี้ไคล ผลัดผิวกันตลอดโดยไม่ต้องใช้ AHA ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากไม่ดูแลสุขอนามัยให้ดี
หลาย ๆ คนก็อาจจะเคยเจอกับกลิ่นหรือคราบที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ
ซึ่งหลายคนคงเคยเจอและตั้งชื่อกันได้เห็นภาพมากว่าขี้เปียก (smegma)
ในขี้เปียกนี่ จะมีเชื้อแบคทีเรียตัวนึงครับที่ชื่อ mycobacterium
smegmatis ซึ่งพบได้ถึงครึ่งนึงของผู้ชายที่ไม่ได้ทำการขริบ
จะทำให้เกิดการระคายเคืองแบบ combo ตรงบริเวณจู๋และทำให้เซลล์ปกติมีปัญหาครับ
โดยจากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า
ผู้ชายที่มีหนังหุ้มปลายตีบจนไม่สามารถรูดได้หรือรูดได้ไม่สะดวกที่เรียกว่า PHiMOSIS มีโอกาสเป็นมะเร็งจู๋มากกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่าเลยครับ
ซึ่งสาเหตุก็มาจากการหมักหมมและระคายเคืองของสิ่งที่อยู่ด้านในใต้หมวกครับ
ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลง transformer เป็นเซลล์ชนิดไม่ดีครับ
นอกจากนี้ HPV virus เป็นอีกสาเหตุนึงที่กำลังมีการพูดถึงกันมากและเป็นที่ยืนยันว่าทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน
(เป็นตัวเดียวกับที่เกิดในมะเร็งปาก
มดลูกของผู้หญิงนี่แหละครับ)
โดยพบว่าผู้ชายที่ไม่ได้ทำการขริบจะพบเชื้อตัวนี้มากกว่าคนที่ทำการขริบแล้ว 3 เท่า ซึ่งก็ตรงไปตรงมาครับก็คือเรื่องการดูแลสุขอนามัยอีกแหละ
เพราะถ้ามีหมวกแล้วไม่ดูแลให้ดี ก็มีโอกาสที่พวกเชื้อจะไปซ่อนอยู่ตามซอกหลืบหรือรอยพับได้
และที่สำคัญก็คือซวยคนเดียวไม่เท่าไหร่
ดันเอาไปใช้งานกับผู้หญิงแล้วไปหย่อนเชื้อไว้ให้เค้านี่แหละครับ
เชื้อตัวนี้อยู่กับผู้ชาย พลิกมาพลิกไปล้างดี ๆ
เอาน้ำฉีดก็อาจจะทำความสะอาดได้แต่เมื่อเข้าไปอยู่กับผู้หญิงนี่
เค้าจะเอาออกมาล้างอย่างไรครับ
จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้
เกิดมะเร็งปากมดลูกแบบที่ผู้หญิงก็งงว่า
ตัวเองไปติดมาได้อย่างไร (มะเร็งปากมดลูกนี่พบได้น้อยมาก ๆ
ในผู้หญิงโสดครับและพบได้มาก ๆ ในผู้หญิงที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
และงานวิจัยพบว่าผู้หญิงที่มี sex กับผู้ชายที่ไม่ได้ขริบจะมีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกมากกว่าถึง
4 เท่าครับ)
อีกสาเหตุนึงที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงก็คือบุหรี่ครับ
พบว่าคนที่สูบบุหรี่นี่มีโอกาสเป็นมะเร็งจู๋มากกว่าคนที่ไม่ได้สูบถึง 4.5 เท่า
โดยทางการแพทย์อธิบายว่าสารที่อยู่ในบุหรี่มันไปยับยั้งการทำงานของ langerhan
cell ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยจับกับเชื้อไวรัสครับ
ดังนั้นยิ่งสูบยิ่งเสื่อมครับ
ทีนี้หากวันร้ายคืนร้ายเกิดมะเร็งขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร
เมื่อมา รพ.ด้วยก้อนหรือแผล
คุณหมอก็จะทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจก่อนครับ ถ้าผลออกมายืนยันว่าเป็นเนื้อร้ายจริง
ทีนี้ก็งานเข้าแล้วครับ
โดยวิธีการรักษานั้นที่ดีที่สุดก็คือตัดอวัยวะตรงที่มีก้อนหรือแผลนั้นออกครับ
โดยต้องตัดให้เลยส่วนก้อนเข้ามา 2 เซนต์ครับ เพื่อจะลดโอกาสการเกิดซ้ำ
ดังนั้นตอนนี้ก็ขึ้นกับบุญทำกรรมแต่งครับว่าคุณพ่อให้มาเท่าไหร่ ถ้ามีเหลือเยอะ
ตัดออกไปแล้วยืนฉี่ได้ก็ดีไปครับ แต่ถ้าของเดิมก็ไม่มาก ตัดออกไปอีก
คราวนี้ต้องทำท่อปัสสาวะให้ใหม่ แล้วนั่งฉี่ครับ
ทางตะวันตกมักจะเอาใจคนไข้ที่เป็นโดยพยายามเอาออกให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้
เช่นเป็นแค่ปลายก็แค่ฝานเนื้อที่มีปัญหาออก หรือเอาออกเป็นส่วน ๆ
เพื่อเก็บจู๋ไว้ให้คนไข้ แต่ปัญหาที่เกิดคือมีโอกาสเกิดซ้ำสูงมากครับ
และทำให้ตัวมะเร็งมันดาวกระจายไปสู่อวัยวะส่วนอื่นมากขึ้น
หากเป็นระยะลุกลามหรือดาวกระจายไปแล้ว ก็มีการเอาวิธีฉายแสงและให้เคมีบำบัดเข้ามาช่วยครับ
แต่ก็ยืดอายุไปได้ไม่ค่อยหายขาดครับ
ถ้าจะเลือกวิธีการรักษาก็ต้องรู้ระยะและโอกาสครับ
หากเป็นระยะแรกและรักษาเอาเนื้อร้ายออกหมดนี่ โอกาสหายสูงถึง 80 – 100
เปอร์เซ็นต์เลยครับ แต่ถ้าเป็นระยะลุกลามโอกาสที่จะอยู่ถึง 5
ปีก็ครึ่งนึง แต่ถ้าเพิกเฉยอารยะขัดขืนไม่รักษานี่ ส่วนใหญ่ไปภายในสองปีครับ
โรคมะเร็งที่จู๋นี่
เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยแต่ถ้าเป็นทีนี่ฝันร้ายของผู้ชายทุกคนครับ
วิธีป้องกันที่ดีและง่ายสุดก็คือการดูแลสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญของตัวเองให้ดีครับ
เอามาเปิดหมวกล้างให้สะอาดสม่ำเสมอ
หากหมวกแคบหรือยาวไปเป็นอุปสรรคก็ไปให้คุณหมอขริบออก และก็อย่าสูบบุหรี่
หากเจอสิ่งผิดปกติไม่ชอบมาพากลก็รีบไปรพ.ครับ
อย่ามัวแต่อายหรือคิดว่าเป็นการจัดฉากครับ รักษาระยะแรกดีกว่าปล่อยให้ลุกลามครับ
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่
คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178
ดูรายละเอียดที่ http://www.pannfiturok.blogspot.com/
e-mail pannfit@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น